วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง สินไซ




ภารกิจพิเศษ
1.สรุปเนื้อหาวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่องสินไซ
มีเมืองหนึ่งชื่อว่า เมืองปัญจาล ซึ่งมีท้าวกุสราชครอง มีมเหสีชื่อนางจันทา พระขนิษฐาของท้าวกุสราช ชื่อนางสุมณฑา ถูกยักษ์ลักพาไปเป็นชายา ภายหลังจึงพาชายาทั้งเจ็ดกลับเมือง อยู่มาไม่นานพระชายาทั้งเจ็ดและพระมเหสีตั้งครรภ์ ประสูติออกมาเป็นโอรสทุกพระองค์ พระมเหสีนางจันทาเทวีประสูติโอรสเป็นราชสีห์ชื่อว่า " สีโห " ส่วนพระชายาองค์สุดท้องประสูติโอรสชื่อว่า " สินไซ (ศิลปชัย) " และมีสังข์เป็นอาวุธติดมือมาพร้อมกับประสูติ หมอหูฮา (โหรา) ทำนายว่าพระโอรสสินไซมีบุญญาธิการมาก สามารถปราบยักษ์และศัตรูได้ทั่วจักรวาล พี่สาวทั้งหกอิจฉาน้องสาวมา จึงติดสินบนหมอหูฮาให้ทำนายเท็จกราบทูลท้าวกุสราช ท้าวกุสราช จึงจำยอมขับไล่นางและโอรสสินไซออกจากเมือง เพราะหมอหูฮาทูลว่าพระโอรสจะนำความวิบัติมาสู่บ้านเมือง ท้าวสีโหโอรสมเหสีจันทาขอติดตามสินไซไปด้วย
มารดาสินไซพร้อมด้วยท้าวสีโหและสินไซก็เดินป่าพเนจรไป พระอินทร์ทราบเรื่องจึงมาเนรมิตกระท่อมให้แม่ลูกอาศัยอยู่ หกกุมารเจริญวัยได้เสด็จประพาสป่ามาพบกระท่อมของสินไซและมารดา สินไซได้แสดงอภินิหารให้กุมารทั้งหกชม วันหนึ่งกุมารทั้งหกอยากอวดอิทธิฤทธิ์ให้บิดาชม จึงมาติดสินบนให้สินไซเรียกสัตว์เข้าเมือง พระบิดาเห็นดังนั้นจึงคิดว่าพระกุมารมีอิทธิฤทธิ์สามารถเรียกสัตว์ป่าได้จริง ๆ พระบิดาจึงสั่งให้กุมารทั้งหกไปติดตามหานางสุมณฑาที่ยักษ์ลักพาไป พระกุมารทั้งหกจึงอ้อนวอนให้สินไซช่วยเหลือไปตามพระเจ้าอา พระมารดาไม่อยากให้สินไซไป แต่สินไซได้รับรองกับพระมารดาว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์ มีทั้งสังข์ และท้าวสีโหที่จะช่วยขจัดภัยพิบัติทั้งปวง พระมารดาจึงยินยอมให้ไปกับกุมารทั้งหก
เมื่อกองโยธาไปถึงฝั่งมหาสมุทรสินไซจึงให้กองโยธาและกุมารทั้งหกตั้งทัพคอยอยู่ที่ฝั่งน้ำ ตนและสีโหจะไปยังเมืองยักษ์ติดตามนางสุมณฑาเอง สินไซก็ขี่ท้าวสีโหเหาะไปจนถึงเมืองยักษ์ ได้พบนางสุมณฑาเล่าเรื่องของตนให้ฟัง นางสุมณฑาก็ยินดีแต่นางเองก็ห่วงพระธิดาชื่อนางสีดาจันทร์ ที่ตกเป็นชายาท้าววรุณนะราชพระยานาค เพราะยักษ์ผู้เป็นบิดาเสียพนันกับท้าววรุณนะราชพระยานาค เมื่อยักษ์ผู้เป็นสามีนางสุมณฑาเข้าเมืองทราบว่ามีมนุษย์อยู่ในปราสาท จึงตามหาจนพบสินไซ ทั้งสองรบกันด้วยศาสตร์ศิลป์ต่าง ๆ นานา
ในที่สุดสินไซก็ฆ่ายักษ์ได้ และไปเมืองนาคเล่นพนันเอาเมืองกับท้าววรุณนะราชพระยานาค ท้าววรุณนะราชพระยานาค แพ้ยอมยกเมืองให้ แต่ไม่ยอมให้นางสีดาจันทร์ ทั้งสองจึงรบกันสินไซชิงนางไปได้ จึงพานางสุดาจันทร์และนางสุมณฑากลับมายังฝั่งมหาสมุทรที่กุมารตั้งทัพคอยอยู่ กุมารทั้งหกดีพระทัยมาก แต่ไม่รู้จะไปทูลพระบิดาอย่างไรดี จึงหาอุบายฆ่าสินไซ เมื่อได้โอกาสจึงผลักสินไซตกเหวพร้อมกับสีโห หกกุมารจึงยกทัพกลับเมืองพานางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์เข้าเมือง ระหว่าทางนางสุมณฑาเป็นห่วงสินไซมาก แต่ก็จนใจจึงนำผ้าสไบแขวนไว้อธิษฐานว่าหากสินไซยังมีชีวิตอยู่ ขอให้นางได้พบผ้าผืนนี้อีก หกกุมารยกทัพกลับถึงเมือง
ท้าวกุสราชบิดาทรงดีพระทัยมาก ที่หกกุมารมีอิทธิฤทธิ์ปราบยักษ์ปราบนาคได้สำเร็จ จึงจัดงานเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่ ส่วนนางสุมณฑาและนางสุดาจันทร์ไม่กล้าจะทูลความจริง เพราะคิดว่าสินไซคงตายแล้ว วันหนึ่งพ่อค้าสำเภาได้พบผ้าสไบซึ่งเป็นผ้ากษัตริย์ จึงนำมาถวายท้าวกุสราช นางสุมณฑาเห็นผ้าของตนที่อธิฐานไว้ จึงทราบว่าพระสินไซยังมีชีวิตอยู่ จึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท้าวกุสราชฟัง ท้าวกุสราชจึงจัดงานฉลองพระนครเจ็ดวันเจ็ดคืน เพื่ออุบายให้ท้าวสินไซมาเที่ยวงานเฉลิมฉลอง และให้นางสุมณฑาคอยติดตามดูคนมาเที่ยวงานเพื่อตามหาสินไซ ฝ่ายสินไซเมื่อถูกผลักตกเหวร้อนถึงพระอินทร์ ๆ มาช่วยชุบชีวิตแล้วให้กลับไปอยู่กับมารดาตามเดิม
เมื่อมีงานฉลองพระนครก็ไปเดินเที่ยว นางสุมณฑาพบเข้าจึงให้เข้าเฝ้าท้าวกุสราช ๆ สอบถามความจริงจึงสั่งให้ประหารหมอหูฮา และขับไล่พระกุมารทั้งหกและพระชายาทั้งหกไปอยู่เมืองจำปา ท้าวกุศราชก็แต่งราชรถไปรับพระชายาและสินไซเข้าเมือง ส่วนนางสีดาจันทร์ท้าววรุณนะราชพระยานาคมาขอไปเป็นชายาเหมือนเดิม ท้าวสินไซก็ได้ครองราชย์ปกครองราษฎรอยู่ในทศพิธิราชธรรมสืบมา
          1.1 ที่มาของวรรณกรรมเรื่องสินไซ
เป็นวรรณคดีชิ้นเอกของอีสานและของอาณาจักรล้านช้าง (ล้านช้างหรือลาวในปัจจุบันเรียก สินไซ) มีเนื้อหาค่อยข้างยาว แต่สนุกน่าติดตาม ในอดีตเจ้าจอมแว่น พระสนมเอกในรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นลูกสาวคนโตของเพียเมืองแพน เจ้าเมืองคนแรกของเมืองขอนแก่น ได้มอบหมายให้ชาวขอนแก่นนำวรรณคดีที่เด่น ๆ ของชาวล้านช้างมาจัดแสดงหมอลำ ส่วนการประพันธ์ขึ้นโดยเจ้าปางคำแห่งเมืองหนองบัวลุ่มภู ในราว พ.ศ. 2192 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ทุกถ้อยคำที่ใช้ในหนังสือเล่มนี้มีความหมายไพเราะ
                   - ผู้เรียบเรียง ครูประมวล พิมพ์เสน
                   -ต้นฉบับมาจาก ลาว เพราะถือว่าเป็นวรรณคดีขั้นสุดยอดของลาวอีกเล่มหนึ่ง มหาสิลา วีระวงส์ ซึ่งเป็นผู้รวบรวมแก้ไขได้ให้ความเห็นว่า วรรณกรรมเรื่องนี้แต่งได้ถูกต้องตามแบบแผนของคำกลอนลาวอย่างแท้
                   -ปีที่แต่ง พ.ศ. 2192

                   -ปีที่พิมพ์  พ.. 2552

2.วิเคราะห์เนื้อเรื่อง
          2.1วิเคราะห์ชื่อเรื่อง 
นิทานสังข์ศิลป์ชัย (สินไซตั้งชื่อเรื่องมาจากตัวละครเอก 2 ตัวในเรื่อง คือ คำว่า สังข์ มาจาก สังข์ทองที่มีลักษณะเป็นหอยสังข์ และคำว่า ศิลป์ชัย มาจาก ศิลป์ชัย ที่มีพระขรรค์และธนูติดตัวมาตั้งแต่เกิด
2.2วิเคราะห์แก่นเรื่อง
          ธรรมะย่อมชนะอธรรม คนชั่วต้องได้รับผลกรรมที่ตนก่อ
2.3โครงเรื่อง
          การเปิดเรื่อง : พระเจ้ากุสราช เมืองเป็งจาน (ปัญจาละ) มีมเหสีชื่อ นางจันทาเทวี และมีพระขนิษฐา ชื่อว่า นางสุมณฑา ที่มีรูปโฉมงดงามมากเป็นที่หมายปองของโอรสเมืองต่าง ๆ
          การดำเนินเรื่อง
                   1.ยักษ์กุมภัณฑ์เหาะลงมาลักพาตัวนางสุมณฑาไปเป็นภรรยาที่เมืองยักษ์
                   2.พระกุสราชออกบวชเพื่อตามหานางสุมณฑา แล้วไปเจอลูกเศรษฐี 7 คนที่เมืองจำปา จึงลาสิขา ไปขอนางทั้ง 7 มาเป็นภรรยา
                   3.มเหสีของพระเจ้ากุสราชทั้ง 8 คนได้คลอดลูก นางทั้ง 6 ออกลูกเป็นคนธรรมดาทั่วไป นางจันทาเทวีออกลูกเป็นสิงห์ นางลุนออกลูกเป็นหอยสังข์และศิลป์ชัยที่มีขรรค์กับธนูติดตัดมาด้วย ทั้ง 5 คนจึงถูกขับไล่ออกจากเมือง
                   4. พระกุสราชให้พระกุมารทั้ง 6 คนออกตามหานางกุมณฑา แต่หลอกให้สีโห สังข์ทอง และศิลป์ชัย ตามหาแทนตน
          จุดสูงสุดของเรื่อง : นางสุมณฑาได้เจอกับศิลป์ชัยและสังข์ทอง จึงรู้ว่ามาช่วยตน แต่นางก็เหมือนไม่อยากกลับไปด้วย จึงบอกว่าตนลืม ปิ่น ผ้าสไบ จึงกลับมาเอาจนยักษ์กุมภัณฑ์มาเจอได้ต่อสู้กับศิลป์ชัยและสังข์ทองจนเสียชีวิต
          จุดคลายปม : พระกุมารทั้ง 6 ผลักศิลป์ชัยและสังข์ทองตกเหวหวังจะฆ่าตาย นางสุมณฑาไม่เชื่อจึงใช้สไบแขวนไว้เพื่อเสี่ยงทาย จึงได้ทราบว่าทั้ง 2 ยังไม่ตาย พระกุสราชรู้ความจริง จึงขับไล่ 6 พระกุมารและมารดากลับเมืองจำปา
          การปิดเรื่อง : ศิลป์ชัยได้ครองเมืองเป็งจาน ปกครองบ้านเมืองด้วยคุณธรรม และบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข
2.4วิเคราะห์ตัวละคร
                   1. ตัวละครหลัก
สินไซ เป็นคนที่เกิดมามีพระขรรค์และธนูศิลป์ติดตัวมาด้วย เก่งในด้านการต่อสู้ เป็นลูกของนางลุน
สีโห  ศีรษะของสีโหเหมือนช้าง ลำตัวเหมือนราชสีห์ เป็นลูกของนางจันทา เป็นพาหนะให้สินไซขี่ในการผจญภัย
สังข์ทอง เป็นหอยสังข์ เปลือกสีขาว มีรูปร่างงดงาม และเป็นลูกของนางลุน
พระยากุสราช เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงเลื่องลือปกครองเมืองเป็งจาน แต่เป็นคนหูเบา มีมเหสี 8 คน และโอรส 9 คน
นางสุมณฑา เป็นหญิงที่มีรูปร่างตาหน้างดงามดั่งเทพธิดาและจิตใจก็ดีงาม
ยักษ์กุมภัณฑ์ เป็นยักษ์ที่โลภะในความรักความทะยานอยากได้ มีโทสะความอาฆาตพยาบาทโกรธแค้น
2. ตัวละครรอง
นางจันทา เป็นแม่ของสีโห มเหสีของพระยากุสราช
สีดาจันทร์ ได้ไปเป็นภรรยาของนาคคืออรุณนาคเป็นพระธิดาของนางสุมณฑาและยักษ์กุมภัณฑ์
เศรษฐีนันทะ เป็นพ่อของนางทั้ง 7 แห่งเมืองจำปา
นางลุน เป็นแม่ของสินไซ มเหสีของพระยากุสราชและเป็นลูกคนสุดท้ายของเศรษฐีนันทะ
พระกุมารทั้ง 6 เป็นชายธรรมดา โอรสของมเหสีทั้ง 6 มีจิตใจชั่วร้าย ขี้ขลาด และชอบโกหกเพื่อเอาความดีเข้าตัวเอง
มเหสี 6 คน เป็นแม่ของกุมารทั้ง 6 มีนิสัยอิจฉาริษยา ใส่ร้ายผู้อื่น
ท้าววันนุลา เป็นพี่ชายของยักษ์กุมภัณฑ์และขึ้นเป็นเจ้าเมืองอโนราชแทนกุมภัณฑ์
ท้าววรุณนะราชพระยานาค เป็นสามีของสีดาจันทร์ เจ้าเมืองบาดาล ผู้ที่แพ้พนันสกาสินไซ
นางเกียงคำ เป็นมเหสีเอกของสินไซที่ พบในแม่น้ำกว้าง 7 โยชน์
          2.5 ภาษาที่แต่งวรรณกรรมเรื่องสินไซ
                    ประพันธ์เป็นกลอนอ่าน ซึ่งเป็นที่นิยมของนักประพันธ์สมัยโบราณ กลอนอ่านสัมผัสน้อย แต่จะมีการเล่นอักษรวรรคหน้า 3 คำ วรรคหลัง 4 คำ นอกจากนี้จะมีคำเสริมหน้าที่เพื่อเน้นวรรคหรือประโยคนั้น ๆ อีกประมาณ 2-4 คำ และจะมีคำสร้อยต่อท้ายเพื่อเสริมให้ได้เนื้อหาครบถ้วนอีกประมาณ 2-3 คำ
2.6 ภาษาที่ใช้ในการดำเนินเรื่อง
                   ภาษาลาวล้านช้าง        
          2.7 วิเคราะห์ฉากหลัก/รอง
                   2.7.1 ฉากหลัก
          1.ฉากเมืองเป็งจาน
                   เป็นฉากเมืองที่สินไซ สีโห สังข์ทองกำเนิดขึ้นโดยมีพระกุสราชเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองเมือง
2.ฉากเมืองจำปา
          เป็นเมืองที่พระยากุสราชออกบิณฑบาตไปพบสาวงาม 7 นาง ซึ่งเป็นลูกของนันทเศรษฐี
3.ฉากเมืองอโนราช
          เป็นเมืองของยักษ์กุมภัณฑ์ที่สินไซไปช่วยอาหรือนางสุมณฑาโดยได้ต่อสู้กันกับกุมภัณฑ์จนกุมภัณฑ์ตาย
2.7.1 ฉากรอง
1.สวนอุทยาน
          เป็นฉากที่กุมกัณฑ์มาอุ้มพานางสุมณฑาไปจากอุทยานเมืองเป็งจานเนื่องจากหลงรักนาง
2.ฉากป่า
          เป็นฉากที่นางจันทา นางลุนและลูกทั้ง 3 คือ สินไซ สีโห สังข์ทอง ไปอาศัยอยู่หลังถูกขับไล่ออกจากเมืองเป็งจาน
3.ฉากปราสาทในป่า
          เป็นปราสาทที่พระอินทร์เนรมิตให้เป็นที่อยู่อาศัยของนางจันทา นางลุนและลูกทั้ง 3 คือ สินไซ สีโห สังข์ทอง
4.ฉากแม่น้ำ
          เป็นฉากที่สินไซข้ามแม่น้ำ 7 โยชน์ ต่อสู้กับยักษ์ วิทยาธร ปราบช้างฉัททันท์ และไปพบบ่อแก้วบ่อเงินบ่อทอง พบนางเกียงคำและบริวาร 500 คน ผูกสมัครรักไคร่เล่นจนเพลินอยู่ 7 วัน
5.เมืองนาค
          เป็นเมืองของอรุณนาคที่นางสีดาจันทร์ลูกสาวสุมณฑาได้แต่งงานด้วย นางสุมมณฑาให้สินไซไปช่วยนางกับมาด้วยการท้าพนันเล่นสกากับอรุณนาค
6.ฉากน้ำตก
          เป็นฉากที่กุมารทั้ง 6 ผลักสินไซตกเหวน้ำตกจนทุกคนคิดว่าสินไซตาย
3.ความโดดเด่นของวรรณกรรมเรื่องสินไซ
วรรณกรรมเรื่องนี้นอกจากมีความงดงามทางภาษาแล้ว เนื้อหายังสนุกสนานน่าติดตามด้วยการผจญภัยดังประโยคที่ หกย่านน้ำ เก้าด่านมหาภัยของสินไซ ทั้งนี้ยังเป็นวรรณกรรมอีสานที่สอนที่สอดแทรกเรื่องคุณธรรม จริยธรรมและการปกครอง
4.การนำไปประยุกต์ใช้ที่ผ่านมา
4.1 ภาพยนตร์แอนิเมชั่น 2 มิติ จากวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องสังข์ศิลป์ชัยที่ปรากฏในฮูปแต้มจังหวัดขอนแก่น  เว็บไซต์  https://www.youtube.com/watch?v=mVw00t825b0
4.2 หนังประโมทัย (หนังบักตื้อ) เรื่อง สังข์สินชัย เผยแพร่เมื่อ 10 ต.ค. 2013 คณะทวีคูณ บ้านหนองหญ้ารังกา ตำบลสระบัว  อำเภอปทุมรัตต์ จังหวัดร้อยเอ็ด
เว็บไซต์   https://www.youtube.com/watch?v=xicdr5NYDEs&t=411s
4.3 "สีโห" สัตว์ในวรรณคดี ที่ประตูเมืองขอนแก่น

4.4 วรรณกรรมสินไซเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ โดยเล่าสืบทอดจากรุ่นต่อรุ่น นิทานสินไซได้รับการปรับเปลี่ยนเป็นศิลปะบันเทิง หลายรูปแบบ เช่น หมอลำ หนังประโมทัย รวมไปถึงฮูปแต้ม เป็นต้น
4.5 ลำเรื่องสังข์สินไซ-ศิลปินภูไท
4.6 ลำเรื่องต่อกลอน คณะสีฟ้าคราม เรื่องสังข์ศิลป์ชัย
4.7 ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัย ฟ้อนสังข์ศิลป์ชัยประดิษฐ์ขึ้นโดยวิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด ท่าฟ้อนชุดสังข์ศิลป์ชัยได้ปรับปรุงมาจากท่าฟ้อนของหมอลำหมู่ หรือที่เรียกว่า ลำกกขาขาว ซึ่งในตอนชมดงจะใช้ทำนองคล้ายทำนองลำเพลิน
           4.8 สารคดีเรื่องสะกดรอยสินไซ ผู้แต่ง สัตวแพทย์หญิงนัทธ์หทัย วนาเฉลิม หรือ คุณหมอผึ้ง

          4.9 ประติมากรรมรูปสังข์ศิลป์ชัย บนเสาไฟฟ้าริมถนนในเทศบาลนครขอนแก่น



อินโฟกราฟฟิค





ผู้จัดทำ นางสาวบุษกร  เข้าใจการ ชั้นปีที 3 หมู่ 4 สาขาวิชาภาษาไทย รหัสนักศึกษา 57210406420